วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ไร่มะนาวชัชฤทธิ์ ที่สุดของไร่มะนาวและพืชเกษตรครบวงจร ที่เที่ยวแนวใหม่ของคนร้อยเอ็ด


     
         พบกันเช่นเคยกับรีวิวชิวๆ  วันนี้จะพาทุกท่านไปสัมผัสกับ  "ไร่มะนาวชัชฤทธิ์" ที่สุดของไร่มะนาวและพืชเกษตรครบวงจร ที่เที่ยวแนวใหม่ของคนร้อยเอ็ด ที่กำลังมาแรงและได้รับความนิยมทั้งจากเกษตรกรและนักท่องเที่ยวเชิงเกษตร





 ไร่มะนาวชัชฤทธิ์ 
          ตั้งอยู่ที่ 152 หมู่ 17 บ้านมอกกแดง ต. รอบเมือง  อ. หนองพอก  จ. ร้อยเอ็ด  มีพื้นที่ในไร่ทั้งหมด 14 ไร่  โดยในไร่จะปลูกมะนาวเป็นหลักสายพันธ์ที่ทางไร่เลือกปลูกก็จะเป็นสายพันธุ์ที่ดี ลูกดก ที่สำคัญออกลูกตลอดทั้งปีและมีคุณภาพ   ส่วนของสายพันธุ์มะนาวที่ปลูกจะเป็นมะนาวพันธุ์พิจิตร 1 , รำไพ , ดกพิเศษ  และยังมีพืชเกษตรตัวอื่นที่ปลูกในไร่อย่างเช่น กล้วยน้ำว้า กล้วยไข่ ข้าวโพด ข้าวในกระถาง โดยปลูกแบบผสมสานกัน  นอกจากนี้ยังมีการเลี้ยงและเพาะพันธุ์ ผสมพันธุ์สุนัขพันธุ์บางแก้วเรียกได้ว่าสวยๆ เด็ดๆทั้งนั้น







อากาศยามเช้าของที่นี้. . . บอกได้เลยว่าช่วงหน้าหนาวก็ฟินได้เหมือนกันไม่ต้องไปไกล













บริหารงานในไร่โดย
        คุณ ชัชฤทธิ์  วงศ์โชคชัยปิติ  และ
        คุณ นภาพร โคตรเพรช
หากเราไปที่ไร่ก็จะได้รับการต้อนรับจากทั้งสองท่านเป็นอย่างดี เรียกได้ว่าเป็นกันเองแบบคนในครอบครัวกันเลยทีเดียว


(ภาพของคุณ ชัชฤทธิ์ และคุณ นภาพร)









นอกจากสวนมะนาวที่เราเห็นแล้ว  ที่นี้เค้ายังจัดพื้นที่ภายในสวนเอาใจสำหรับคนที่ชื่นชอบการเที่ยว  ให้ได้มีโอกาสมาสัมผัสกับวิถีชีวิตของเกษตรกรชาวสวนชาวไร่  สัมผัสกลิ่นไอของพื้นดินและอากาศที่บริสุทธิในไร่  ผมว่าเราไปชมภาพกิจกรรมในไร่กันเลยดีกว่า
. . . . .ไปโลด....




















ใครที่กำลังมองหาสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้ง  งานแต่งหรือว่าเป็นคนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพที่นี้ก็เป็นอีกตัวเลือกที่คุณได้สัมผัสแล้วจะติดใจ...ว้าววววว





         และแน่นอนว่าที่สวนมะนาวแห่งนี้  คุณชัชฤทธิ์ได้มีการวางแผนและจัดการอย่างเป็นระบบ  ผลผลิตที่ออกมาก็เลยมีคุณภาพ  ขอบอกว่ามะนาวที่นี้ดกมากๆหากเกษตรกรคนไหนต้องการพันธุ์มะนาวไปปลูกก็ติดต่อทางสวนได้เลยตลอดเวลา  











ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่   ตั้งอยู่ที่ 152 หมู่ 17 บ้านมอกกแดง ต. รอบเมือง  อ. หนองพวก  จ. ร้อยเอ็ด 
โทร : 0872211909 
หรือติดตามได้ที่  : https://www.facebook.com/pchang.ksr


วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ชายผู้เดินเก็บขยะข้างถนน ที่ไม่ใช่แค่ทำเพื่อตัวเองจากเส้นทาง 1095.เข้าปายถึงแม่สอด


วันนี้รีวิวชิวๆจะพาทุกท่านไปดูชีวิตของชายคนหนึ่งที่ไม่เพียงแค่เดินเก็บขยะข้างถนนไปวันๆ  แต่เขากลับทำในสิ่งที่เราต้องทึ่ง เขาใช้เวลาทั้งหมดในชีวิตตอนนี้เดินเก็บขยะที่เราทิ้งกันข้างทางซึ่งแน่นอนว่า  ระยะทางไม่ใช่ใกล้ๆ
     
  1.       เรื่องราวจากคุณ  สินสมุด พรมสุวรรณ (นามในเฟสบุ๊ค) 4 5 วันที่ผ่านมาหลายท่านที่ใช้เส้นทาง 1095.เข้าปาย คงเจอพี่ผู้ชายใส่เสื้อสีแดงเข็นรถเข็นบรรทุกของเต็มรถเข็น แล้วเข็นรถเข็นมุ่งหน้าสู้ ปาย คำ่ไหนนั้น ขอนับถือพี่เค้าที่ช่วยเก็บขยะข้างทางตลอดเส้นทาง 1095 ที่พวกมักง่ายชอบโยนทิ้งข้างทาง ผมได้เห็น 3 วันที่แล้วพี่เค้าอยู่ระหว่างทาง 1095 วันนี้มาเจอพี่เขาช่วงทางลงห้วยน้ำดังจะเข้าถึงปาย อีกประมาณ 40 กิโลเลยแวะจอดคุยกับพี่เขา ถามพี่เขาว่ามาจากที่ไหน พี่เขาตอบว่ามาจากลำปาง จะไปปาย และผมถามพี่เค้าต่อ ถึงปายแล้วจะไปที่ไหนต่อ พี่เขาตอบว่าจะไปแม่ฮ่องสอนแม่สะเรียงแล้วออกแม่สอด $€|~>¥ ผมฟังคำตอบแล้วผม พูดไม่ออก นึกถึงเราตัวเปล่ายังจะไปไม่รอด แต่พี่เขา ต้องเข็นรถเข็นขึ้นดอยลงดอย เก็บขยะพวก มักง่ายทิ้งข้างทาง โคตรหนัก กับรองเท้าคู่เก่าๆ สองข้างไม่เหมื่อนกันด้วย ขอยอมและนับถือ หลังคุยกับพี่เขา เลยช่วยเหลือเงิน นิดหน่อย ในฐานะพี่เขาช่วยเก็บขยะข้างทางตลอดถนน 1095 คืนนี้พี่เขาอาจจะถึงปาย หรือจะเป็นพรุ่งนี้เช้า เพื่อนๆที่ปาย ถ้าเห็น อาจเข้าไปทักทายพี่เขาได้นะครับ และฝากซื้อรองเท้านันยาง หรือ รองเท้าที่เกาะถนนดี ให้ด้วยครับ กลับปาย เอาตังค์ ไปคืนให้ครับ














       รีวิวชิวๆ   เห็นในความดีของชายผูนี้แล้วเราก็อดที่จะขอบคุณและแบ่งปันเรื่องราวดีๆ เหล่านี้ให้กับสังคมรับทราบ  และทางรีวิวชิวๆต้องขอฝากเรื่องนี้กับคนใช้รถใช้ถนนว่าเราควรรักษาความสะอาดช่วยกัน ไม่ควรทิ้งเศษขยะข้างทางแบบนี้ ถ้าเราไม่มีชายคนนี้เราอาจจะต้องเห็นขยะข้างทางแทนที่จะเห็นวิวสวยๆ ข้างทางที่เราก็กำลังเดินทางไป......


ที่มา  : จากคุณ  สินสมุด พรมสุวรรณ

วันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2558

วิธีการปลูกและดูแลมันสำปะหลังในช่วงปลายฝน เพื่อให้มันลอดในช่วงหน้าแล้ง


        ในปัจจุบันมีการปลูกมันสำปะหลังปลายฤดูฝนกันมากใน เขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก คิดเป็นเนื้อที่ ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ปลูกทั้งหมด  ซึ่งการปลูกมันสำปะหลังปลายฤดูฝนเกษตรกรมักนิยมปลูกในช่วง(เดือนตุลาคม-พฤศจิกายน) 


         ดินที่ใช้ปลูกควรเป็นดินทราย และดินร่วนปนทราย เพราะว่า ดินเหนียวมีข้อจำกัดในด้านความชื้นของดินขณะปลูกมีผลให้เปอร์เซ็นต์ความงอก ของท่อนพันธุ์ต่ำ การปลูกมันสำปะหลังปลายฤดูฝนในดินทรายหรือดินร่วนปนทรายในระยะของการเจริญ เติบโตจะอยู่ในช่วงฤดูแล้ง ประมาณ 5 เดือน มันสำปะหลังสามารถใช้น้ำจากน้ำใต้ดินได้ในรูปน้ำซับ (capillary water) แต่ถ้าปลูกในดินเหนียว มันสำปะหลังมักแห้งตายหรือหยุดชงักการเจริญเติบโตในช่วงฤดูแล้ง เนื่องจากการขาดน้ำ ส่งผลกระทบต่อผลผลิตมาก 
 ที่มา : http://web.sut.ac.th/cassava/?name=11cas_research&file=readknowledge&id=62
     
         แล้วเราจะมีวิธิการเตรียมตัวอย่างไรเพื่อที่จะให้มันที่เราปลูกนั้นสามารถทนอยู่ได้ในหน้าแล้งที่ยาวนาน  เกษตรกรท่านหนึ่งมีวิธีการที่ดีเกี่ยวกับวิธีการการปลูกและดูแลมันมาฝาก...ไปชมกันครับ


          การปลูกมันสำปะหลังในช่วงปลายฝนค่อนข้างเป็นที่นิยมในปัจจุบัน  เนื่องจากเป็นการตัดปัญหาเนื่องหญ้าได้พอสมควร การที่จะปล่อยให้ต้นมันเล็กข้ามฤดูแล้งที่ยาวนานนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้าง จะมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องการเจริญเติบโต ปัญหาเพลี้ยต่างๆปลวก แมลง ฯลฯ ซึ่งมีผลให้ผลผลิตไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย
          วันนี้ผมจะขอนำเสนอวิธีการปลูกข้ามแล้งให้เพื่อนๆพิจารณานำไปปรับใช้กับแปลงมันของเพื่อนๆดังนี้ครับ


1. การเตรียม  : ดินควรไถให้ลึกควรใช้ผาล 3 ในการไถเพราะจะทำให้ไถได้ลึก เติมปุ๋ยคอกปุ๋ยหมัก หรืออินทรีย์วัตถุ ประมาณ 500 -1,000 กก./ไร่ เพื่อให้ดินโปร่งและสามารถกักเก็บความชื้นไว้ในดินให้ได้มากขึ้น ยาวนานขึ้น






2. ช่วงเวลาปลูก : ควรเลือกช่วงเวลาที่ดินมีความชื้น และฝนยังไม่ทิ้ง ยังจะมีฝนตกบ้าง  ช่วงเดือนกันยายน เป็นช่วงที่เหมาะพอสมควร เพราะยังจะมีฝนไปถึงปลายเดือนตุลาคม หรือบางปีอาจถึงต้นเดือนพฤศจิกายน ที่ต้องปลูกในช่วงนี้เพราะว่า ความชื้นมีผลกับการงอกของราก ซึ่งมีผลกับความดกของหัวมัน






3. เร่งบำรุงให้ต้นมันเล็กแข็งแรงและเติบโตก่อนจะเข้าแล้ง ในช่วงแรกของการเจริญเติบโต เริ่มจากการแช่ท่อนพันธุ์ และฉีดพ่นให้อาหารทางใบ เพราะในช่วงแรกที่รากยังไม่เจริญเติบโต การให้อาหารทางใบมีความสำคัญมาก





4. ในช่วงฤดูแล้งความชื้นในดินมีน้อยหรือน้อยมากๆ รากไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ จึงควรให้ทางใบเสริมเป็นระยะๆ








5. เพลี้ย ปลวก และแมลงต่างๆ มักจะระบาดในช่วงหน้าแล้ง ควรตรวจสอบและกำจัดอย่างต่อเนื่อง เพราะจะส่งผลกระทบต่อผลผลิตอย่างแน่นอน



 หากมีการดูแลดีตั้งแต่ต้นยังเล็กมันจะมีความแข็งแรง ทนทานต่อความแห่งแล้งและทนทานต่อโรคได้  และมีผลผลิตที่ดีได้


ที่มา : ส. สำอางค์
หรือติดตามได้ที่ : https://www.facebook.com/profile.php?id=100008455800755 

มาดูความแตกต่างระหว่างการปลูกมันแบบเสียบตรงกับเสียบเอียง



คณเคยสงสัยไหมว่าความแตกต่างระหว่างการปลูกมันแบบเสียบตรงกับเสียบเอียงมันดีอย่างไร

   
         วันนี้รีวิวชิวๆ  จะพาเกษตรกรที่ปลูกมันไปดูความแตกต่างระหว่างการปลูกมันแบบเสียบแบบตั้งตรงและการปลูกมันแบบเสียบเอียงมันมีความแตกต่างกันอย่างไร  แล้ววิธีไหนดีกว่ากัน ?
         

รูปภาพเปรียบการปลูกมันแบบเสียบตรงกับเสียบเอียง
 










ตามภาพที่1 :  การเสียบแบบเฉียง เมื่อเสียบในความลึกเท่ากัน (ปกติจะประมาณ 7-10 ซ.ม.) ปลูกแบบเฉียงจะมีหัวเพิ่มขึ้นจากตาท่อนพันธุ์ที่อยู่ใต้ดินได้มากกว่าแบบตั้งตรง จะได้หัวที่ยาว  ส่วนการปลูกแบบ  ตั้งตรงอาจจะเสียเปรียบตรงมีตาที่ลงไปในดินน้อยกว่าและปริมาณรากที่งอกจะน้อยมาไปด้วย  แต่จะได้หัวที่ใหญ่แต่จะสั้นกว่าแบบเอียง

ตามภาพที่2 :  ข้อพิจารณาในการเสียบเฉียง โดยเฉพาะในภาคอีสานที่แดดตอนบ่ายร้อนจัด ควรดูทิศทางแสงแดดให้ดี ไม่ควรให้ผิวด้านข้างของท่อนพันธุ์ ทำมุม 90 องศากับแดดช่วงบ่าย เพราะจะทำให้ผิวท่อนพันธุ์ไหม้ เกิดความเสียหายได้





          วันนี้เราจะพาไปดูการปลูกมันเสียบแบบเฉียงว่ามีข้อดียังไง แล้วผลผลิตที่ออกมาคุ้มค่าต่อการลงทุนหรือไม่ไปดูภาพกันเลยครับ


ไปชมภาพกันเลย.....ไปโลด




















        จากการศึกษาและการสอบถามจากเกษตรกร เกษตรกรผู้ปลูกมันบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า  การปลูกทั้งสองแบบมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับใครชอบหรือถนัดแบบไหน เพราะการปลูกมันให้ได้ผลผลิตที่ดีและได้ผลกำไรที่คุ้มทุนมาจากหลายปัจจัย  ทั้งดินฟ้าอากาศ น้ำ ปุ๋ย แต่ที่สำคัญและเป็นหัวใจของกรทำการเกษตรคือ  การเอาใจใส่และการดูแลที่ดี  ผลผลิตที่ได้ก็จะออกมาดี 




ที่มา  :  ส. สำอางค์
หรือ  https://www.facebook.com/profile.php?id=100008455800755











ความเป็นมา เมื่อปี 201ที่เริ่มก้าวเข้ามาสู้ธุระกิจการเกษตรอย่างจริงจัง ด้วยการทำไร่กระเจี๊ยบแดงที่ประเทศลาว และได้ขยายฐานการผลิตเข...